เรื่องสั้น "ผู้นำทางของกาลเวลา" ตอน "แรกพบ"
ตีพิมพ์ใน ขายหัวเราะ สิงหาคม 2559
วันนี้ นำเรื่องที่เคยตีพิมพ์มานำเสนอกันอีก เป็นเรื่องสั้่นที่อาจจะยาวสักหน่อย เกี่ยวกับความลับในการล่มสลายของ "แอตแลนติส"
จะว่าไป เรื่องสั้นเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกในชีวิตที่เขียนขึ้นเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน และปัดฝุ่นนำมาลองส่งไปให้ บก.ขายหัวเราะพิจารณา จนได้ลงตีพิมพ์
ตั้งใจว่า จะเขียนเรื่องราวของ "ผู้นำทางของกาลเวลา" ประมาณ 20 ตอน แต่ด้วยการติดขัดหลายประการ ทำให้เขียน และตีพิมพ์ไปเพียง 2 ตอน ส่วนอีก 18 ตอนที่เหลือยังอยู่ในหัว รอเวลาที่จะเขียนหลังจากหมดภารกิจต่างๆ ในเร็วๆ นี้
I-Dea Stories (ไอ) เดียสตอรี่ส์ เป็นบล็อคที่รวบรวมผลงานเขียนส่วนตัวของอดีตสองนักข่าวบางกอกโพสต์ ซึ่งมีมากหมายหลายประเภท ทั้ง เรื่องสั้น บทความประวัติศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา และที่สำคัญ สิ่งที่เป็นอาชีพของเราในยามนี้ คือ การท่องเที่ยว ที่พ่วงอาหารการกินมาด้วยโดยปริยาย (อ่านฟรีฮับ)
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
เรื่องสั้น "เบื้องหลังรอยยิ้มของโมนาลิซา"
เรื่องสั้น "เบื้องหลังรอยยิ้มของโมนาลิซา" ตีพิมพ์ใน "ขายหัวเราะ" วันที่ 6 ก.ค. พ.ศ.2559 เป็นเรื่องสั้นที่ "รัก" มากที่สุดในการเขียนเรื่องสั้นทั้งหมด เพราะตั้งใจเขียนให้ตัวเอกของเรื่อง ชื่อ "วาทิน" ซึ่งเป็นชื่อของ "คุณลุงต่วย" ผู้ก่อตั้งต่วย'ตูน และทำให้เราสนใจศิลปะ อารยธรรม โบราณคดี และเรื่องลึกลับมาตั้งแต่เด็ก จนโตขึ้น และมีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณลุง จนท่านเสียชีวิต แต่คุณลุงยังอยู่ในความทรงจำเสมอ ในเรื่องนี้ ท่านจึงเป็นผู้ไขปริศนารอยยิ้มของโมนาลิซา
หมายเหตุ - ชื่อตัวละครต่างประเทศ เป็นบุคคลที่มีอยู่จริง และการค้นพบตัวอักษรในดวงตาของ โมนาลิซา ก็เป็นเรื่องจริง ส่วนอื่นๆ เป็นจิตนาการในการเขียน :)
"เบเกอร์... ถนนที่นิยายกลายเป็นจริง" / ตีพิมพ์ในนิตยสารต่วย'ตูนฉบับเดือนกันยายน พ.ศ 2548
เรื่อง "เบเกอร์... ถนนที่นิยายกลายเป็นจริง"
ตีพิมพ์ในนิตยสารต่วย'ตูนฉบับเดือนกันยายน พ.ศ 2548
ตีพิมพ์ในนิตยสารต่วย'ตูนฉบับเดือนกันยายน พ.ศ 2548
เป็นเรื่องแรกที่เขียนขึ้นแล้วลองส่งไปให้บรรณาธิการของต่วย'ตูน พิจารณา ซึ่งในขณะนั้นคือ คุณลุงวาทิน ปิ่นเฉลียว หรือ "คุณลุงต่วย" ซึ่งเมื่อส่งเรื่องให้ท่านแล้ว ภายในวันเดียวท่านก็โทรศัพท์กลับมา แล้วบอกว่า ขอให้เขียนส่งให้ต่วย'ตูนอีกเรื่อยๆ และจากนั้นก็สร้างความผูกพัน ทำให้ได้เขียนหนังสือให้กับต่วย'ตูนนานกว่า 10 ปี
หมายเหตุ: ตอนที่ตัดสินใจส่งเรื่องไปให้คุณลุงต่วยครั้งแรก ไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่าจะได้ลงตีพิมพ์หรือไม่ แต่หลังจากที่ได้ตอบรับให้เป็นนักเขียนประจำแล้ว ก็ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้ทำผิดกฎบริษัทแต่ประการใด
หมายเหตุ - เรื่องนี้ เขียนขึ้นในปี พ.ศ.2548 ดังนั้น ข้อมูลอาจจะไม่ตรงกับในปัจจุบันนัก อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนสถานีเบเกอร์ในรถไฟใต้ดินลอนดอน ยังสามารถเพลิดเพลินกับการมองภาพ "เชอร์ล็อค โฮล์มส์" จำนวนมากในสถานี และยังเดินไปพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อค โฮล์มส์ได้เช่นเคย
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
เรื่องสั้น "อโหสิกรรม" / ตีพิมพ์แล้ว ใน "ขายหัวเราะ" มิ.ย.2559
เรื่องสั้น "อโหสิกรรม" / ตีพิมพ์แล้ว ใน "ขายหัวเราะ" มิ.ย.2559
ตัดสินใจเขียนเรื่องสั้น หลังจากรู้ว่า มีเนื้องอกในสมอง และต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ก่อนผ่าตัด อยากทำอะไรอย่างที่หวังว่าจะทำ แล้วไม่ได้ทำสักที ก็เลยเขียนเรื่องนี้ขึ้น ส่งไปให้ บก.ขายหัวเราะพิจารณา โดยไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว พอได้ลงพิมพ์ ก็ยังไม่รู้เรื่องอีก เพราะมัวอยู่โรงพยาบาล กว่าจะได้หนังสือเล่มนี้มา ก็เป็นตอนที่โกนหัวผ่าตัดไปแล้ว และเป็นแรงใจให้เขียนอีกหลายๆ เรื่องต่อมา
ลองอ่านกันสนุกๆ นะคะ
ตัดสินใจเขียนเรื่องสั้น หลังจากรู้ว่า มีเนื้องอกในสมอง และต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ก่อนผ่าตัด อยากทำอะไรอย่างที่หวังว่าจะทำ แล้วไม่ได้ทำสักที ก็เลยเขียนเรื่องนี้ขึ้น ส่งไปให้ บก.ขายหัวเราะพิจารณา โดยไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว พอได้ลงพิมพ์ ก็ยังไม่รู้เรื่องอีก เพราะมัวอยู่โรงพยาบาล กว่าจะได้หนังสือเล่มนี้มา ก็เป็นตอนที่โกนหัวผ่าตัดไปแล้ว และเป็นแรงใจให้เขียนอีกหลายๆ เรื่องต่อมา
ลองอ่านกันสนุกๆ นะคะ
วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
สุขสันต์วันเกิด ฮะชิโก - Hachikō (ฮาจิ)
สุขสันต์วันเกิด ฮะชิโก - Hachikō (ฮาจิ)
ฮาจิ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ.1923 เป็นสุนัขพันธุ์ อะกิตะอินุ ที่มีชื่อเสียง และมีอนุสาวรีย์เป็นของตัวเอง ด้วยเรื่องราวอันน่าประทับใจ จนหลายคนต้องหลั่งน้ำตาให้
เรื่องราวของฮาจิ สามารถหาอ่านได้ทั่วไป ในเมืองไทยมีหนังสือเกี่ยวกับฮาจิหลายเล่ม แต่เล่มที่อ่านแล้วต่อมน้ำตาแตกจริงๆ คือ เล่มที่ชื่อว่า "ตราบจนสิ้นใจ"
เพราะฮาจิ รอนาย ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของสุนัขตัวหนึ่ง ที่เดินไปยืนรอเจ้านายที่สถานีรถไฟทุกวัน โดยไม่รู้เลยว่า เขาจะไม่มีวันกลับมา เพราะ ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวผู้เลี้ยง ฮาจิ มาตั้งแต่ ค.ศ.1924 เสียชีวิตกระทันหันที่มหาวิทยาลัยไปแล้วตั้งแต่ปี 1925 แต่ฮาจิ ก็มายืนรอนายที่สถานีรถไฟชิบุยะทุกวัน ตราบจนสิ้นใจในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 1935 รวมเวลานานกว่า 10 ปี ที่ฮาจิมารออย่างไม่มีวันหยุด แต่..นายไม่เคยกลับมา
ผู้คนมักเคยชินกับอนุสาวรีย์ ฮาจิ หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ เลยไม่นำภาพอนุสาวรีย์มาลง เพราะคนเห็นกันบ่อยแล้ว แต่วันนี้ เพื่อรำลึกถึงวันเกิดฮาจิ ขอนำภาพจริงๆ ของฮาจิมาลงให้เห็น
ภาพนี้ คือ ร่างจริงของฮาจิ ที่ได้มีการสตาฟเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น (หากใครสนใจจะแวะไปเยี่ยมฮาจิ สามารถลงรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่สถานีอุเอโนะ แล้วเดินมาอีกไม่ไกล ผ่านสวนอุเอโนะมาค่ะ)
เราไปยืนมอง "ตัวจริง" ของฮาจิ แล้วก็รู้สึกว่า เจ้าหมายอดกตัญญูตัวนี้ ตัวเล็กมาก เล็กกว่าที่เคยคิดไว้ เพราะปกติ เวลาเห็นที่อนุสาวรีย์ ฮาจิตัวโตกว่านี้มาก แต่ตัวจริง ฮาจิ เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ยิ่งทำให้มองเห็น "หัวใจ" ที่ยิ่งใหญ่ของหมาน้อยตัวนี้
เรื่องราวของฮาจิ ถูกนำไปเป็นแรงบัลดาลใจในหนังสือหลายเล่ม ละคร ภาพยนตร์ รวมถึงภาพยนตร์ฮอลีวู๊ด ที่ได้ลุงริชาร์ด เกียร์ มารับบทอาจารย์เจ้าของฮาจิ และดูเรื่องนี้ทีไร ก็ร้องไห้โฮๆ ได้ตลอด
ส่วนมุมน่ารักๆ ก็มีการนำฮาจิไปผลิตเป็นตุ๊กตา อย่างในภาพนี้ ตุ๊กตาฮาจิ ขายอยู่ในร้านของเล่น ที่สกายทรี โตเกียว หน้าตาบ๊องแบ๊วดี
และว่าแล้ว ก็ขอย้อนกลับไปยังสถานที่ที่คนไปเยี่ยมฮาจิกันบ่อยๆ ที่สถานีชิบุยะ นักท่องเที่ยวมักจะสนใจเฉพาะตัวอนุสาวรีย์ แต่หากมองไปรอบๆ จะเจอกำแพง ที่มีการทำโมเสค เป็นรูปฮาจิด้วย ดังนั้น ถ้าใครแวะไป ลองมองรอบๆ ด้วยนะคะ จะมีภาพฮาจิตั้งแต่เล็กๆ จนโตเลยทีเดียว
และล่าสุด ในปี 2015 ภาควิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว ได้สร้างรูปหล่อาฮาจิ มาเป็นอนุสาวรีย์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีจุดเด่นต่างจากอนุสารีย์เดิม ที่มีแต่ฮาจิเพียงลำพัง เพราะอนุสาวรีย์ใหม่นี้ สร้างเป็นภาพที่ ฮาจิ ได้พบกับอาจารย์ เจ้าของที่ฮาจิรอคอย เป็นรูปหล่อแห่งความยินดีที่ได้กลับมาพบกัน ใครอยากดู ตามไปเจอพวกเขาได้ที่ภาควิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว
เพราะในที่สุด ฮาจิก็ได้เจอเจ้านาย
นายที่เจ้าหมาตัวน้อยๆ แต่มีหัวใจยิ่งใหญ่รอคอยมานานแสนนาน...ตราบจนสิ้นใจ
ฮาจิ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ.1923 เป็นสุนัขพันธุ์ อะกิตะอินุ ที่มีชื่อเสียง และมีอนุสาวรีย์เป็นของตัวเอง ด้วยเรื่องราวอันน่าประทับใจ จนหลายคนต้องหลั่งน้ำตาให้
เรื่องราวของฮาจิ สามารถหาอ่านได้ทั่วไป ในเมืองไทยมีหนังสือเกี่ยวกับฮาจิหลายเล่ม แต่เล่มที่อ่านแล้วต่อมน้ำตาแตกจริงๆ คือ เล่มที่ชื่อว่า "ตราบจนสิ้นใจ"
เพราะฮาจิ รอนาย ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของสุนัขตัวหนึ่ง ที่เดินไปยืนรอเจ้านายที่สถานีรถไฟทุกวัน โดยไม่รู้เลยว่า เขาจะไม่มีวันกลับมา เพราะ ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวผู้เลี้ยง ฮาจิ มาตั้งแต่ ค.ศ.1924 เสียชีวิตกระทันหันที่มหาวิทยาลัยไปแล้วตั้งแต่ปี 1925 แต่ฮาจิ ก็มายืนรอนายที่สถานีรถไฟชิบุยะทุกวัน ตราบจนสิ้นใจในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 1935 รวมเวลานานกว่า 10 ปี ที่ฮาจิมารออย่างไม่มีวันหยุด แต่..นายไม่เคยกลับมา
ผู้คนมักเคยชินกับอนุสาวรีย์ ฮาจิ หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ เลยไม่นำภาพอนุสาวรีย์มาลง เพราะคนเห็นกันบ่อยแล้ว แต่วันนี้ เพื่อรำลึกถึงวันเกิดฮาจิ ขอนำภาพจริงๆ ของฮาจิมาลงให้เห็น
ภาพนี้ คือ ร่างจริงของฮาจิ ที่ได้มีการสตาฟเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น (หากใครสนใจจะแวะไปเยี่ยมฮาจิ สามารถลงรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่สถานีอุเอโนะ แล้วเดินมาอีกไม่ไกล ผ่านสวนอุเอโนะมาค่ะ)
เรื่องราวของฮาจิ ถูกนำไปเป็นแรงบัลดาลใจในหนังสือหลายเล่ม ละคร ภาพยนตร์ รวมถึงภาพยนตร์ฮอลีวู๊ด ที่ได้ลุงริชาร์ด เกียร์ มารับบทอาจารย์เจ้าของฮาจิ และดูเรื่องนี้ทีไร ก็ร้องไห้โฮๆ ได้ตลอด
ส่วนมุมน่ารักๆ ก็มีการนำฮาจิไปผลิตเป็นตุ๊กตา อย่างในภาพนี้ ตุ๊กตาฮาจิ ขายอยู่ในร้านของเล่น ที่สกายทรี โตเกียว หน้าตาบ๊องแบ๊วดี
และว่าแล้ว ก็ขอย้อนกลับไปยังสถานที่ที่คนไปเยี่ยมฮาจิกันบ่อยๆ ที่สถานีชิบุยะ นักท่องเที่ยวมักจะสนใจเฉพาะตัวอนุสาวรีย์ แต่หากมองไปรอบๆ จะเจอกำแพง ที่มีการทำโมเสค เป็นรูปฮาจิด้วย ดังนั้น ถ้าใครแวะไป ลองมองรอบๆ ด้วยนะคะ จะมีภาพฮาจิตั้งแต่เล็กๆ จนโตเลยทีเดียว
และล่าสุด ในปี 2015 ภาควิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว ได้สร้างรูปหล่อาฮาจิ มาเป็นอนุสาวรีย์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีจุดเด่นต่างจากอนุสารีย์เดิม ที่มีแต่ฮาจิเพียงลำพัง เพราะอนุสาวรีย์ใหม่นี้ สร้างเป็นภาพที่ ฮาจิ ได้พบกับอาจารย์ เจ้าของที่ฮาจิรอคอย เป็นรูปหล่อแห่งความยินดีที่ได้กลับมาพบกัน ใครอยากดู ตามไปเจอพวกเขาได้ที่ภาควิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว
เพราะในที่สุด ฮาจิก็ได้เจอเจ้านาย
นายที่เจ้าหมาตัวน้อยๆ แต่มีหัวใจยิ่งใหญ่รอคอยมานานแสนนาน...ตราบจนสิ้นใจ
ผ่าตัดสมอง
ผ่าตัดสมองเหรอ...เรื่องเล็กน่า :)
เมื่อต้นปี 2559 เรามีอาการผิดปกติ เหมือนจะชัก เลยไปหาหมอ ตรวจพบว่า มีเนื้องอกในเยื่อหุ้มสมอง แต่ยังเป็นขนาดเล็ก และเนื้องอกประเภทนี้ ส่วนใหญ...

-
เรื่องสั้น "เบื้องหลังรอยยิ้มของโมนาลิซา" ตีพิมพ์ใน "ขายหัวเราะ" วันที่ 6 ก.ค. พ.ศ.2559 เป็นเรื่องสั้นที่ "รัก...
-
ร้าน Salad Factory (สลัด แฟคตอรี่) เป็นร้านที่อยากแนะนำมากๆ เพราะอาหารคุณภาพดี ราคาไม่แพง ของดังของร้านนี้ ก็ตามชื่อเลย คือ สลัดประเภทต่างๆ...
-
เรื่องสั้น "อโหสิกรรม" / ตีพิมพ์แล้ว ใน "ขายหัวเราะ" มิ.ย.2559 ตัดสินใจเขียนเรื่องสั้น หลังจากรู้ว่า มีเนื้องอกในสมอง ...