ปกติ เราเป็นคนชอบกินข้าวมันไก่ ยิ่งถ้าร้านไหนน้ำจิ้มอร่อย ก็จะทำให้เพลิดเพลินกับการกินเป็นพิเศษ แต่บ่อยครั้ง ที่แอบนอกใจข้าวมันไก่แบบไทย ไปหลงรักข้าวมันไก่สิงคโปร์ ซึ่งจะว่าไปแล้ว เป็นของดังไม่กี่อย่างของสิงคโปร์ ที่ดังไปทั่วโลก ดังนั้น พอเห็นร้าน บุญตงกี่ ที่มีชื่อเสียงด้านข้าวมันไก่สิงคโปร์มาเปิดสาขาแถวๆ บ้าน ก็เลยต้องไปลองดูสักหน่อย แล้วก็สมใจอยาก อร่อยอย่างที่เล่าลือ ไม่มีผิดหวัง
ทีแรกมองเมนู ก็งงๆ ไม่รู้จะสั่งอะไร เพราะเขาไม่ได้ขายข้าวมันไก่เป็นจานๆ เหมือนร้านข้าวมันไก่ทั่วไป แต่เป็นแนวร้านอาหารจีน ที่มีให้สั่งหลายๆ อย่าง เราก็เริ่มต้นที่สั่งไก่ขนาด M ก่อน (หมายถึงไก่ครึ่งตัว) เพราะมากินกัน 2 คน คิดว่า ถ้ากินเต็มตัว คงกินไม่หมด แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะแค่ครึ่งตัว ก็มาอย่างเยอะเลยทีเดียว สนนราคาจานนี้ 300 บาท
ด้านน้ำจิ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุด ระหว่างข้าวมันไก่ไทย กับข้าวมันไก่สิงคโปร์ ก็มาวางให้เห็น คือ มีถ้วยน้ำจิ้ม 3 ถ้วย ประกอบด้วย ซีอิ๊วดำหวาน ขิงบด และพริกน้ำส้ม เราไม่แน่ใจว่าคนอื่นกินกันแบบไหน แต่สำหรับเรา จะเริ่มจากการจิ้มทีละแบบก่อน แล้วสุดท้าย เอาน้ำจิ้มทั้ง 3 ถ้วยมารวมเป็นถ้วยเดียว ทำให้ได้หลายๆ รส
กลับมาว่ากันที่เรื่องไก่ เราว่า ไก่แบบข้าวมันไก่ไทย กับไก่ในข้าวมันไก่สิงคโปร์เอง ก็มีความแตกต่างกันอย่างมากเหมือนกัน ไก่ในข้าวมันไก่ไทย จะออกเนื้อแห้งๆ (ที่สำคัญ หลายร้าน พอหั่นไก่ออกมาได้ แล้วก็เอาปังตอตบๆ เหมือนโกรธน้องไก่มาจากไหน ตบซะไก่บางเฉียบ แล้วมันจะอร่อยได้ยังไงจ๊ะพ่อคุณ) ในขณะที่สูตรสิงคโปร์ ไม่มีการตบจูบ (เอ๊ย ไม่ใช่ละครไทยนะฮะ) แต่ไก่แบบสิงคโปร์ ต้มในน้ำซุป แล้วพอสุก ก็เอาไปแช่น้ำเย็น ตามสูตรเขาบอกว่า เป็นการ "กัก" ความนุ่ม ชุ่ม อร่อย เอาไว้ในเนื้อไก่ ซึ่งพอมาเสริฟ ไอ้เราที่ปกติเป็นคนกลัวอ้วน เลยไม่กินหนังไก่ แต่ถ้าเป็นไก่แบบนี้ หนังไก่จะมาแบบชุ่มฉ่ำ บางเบา กินแล้วไม่หวั่นกับความอ้วน เลยกินเพลินทั้งเนื้อทั้งหนัง เนื้อก็ชุ่มอร่อยจริงๆ
ด้านข้าว มีให้เลือกทั้งข้าวสวย และข้าวมัน และในเมื่อเดินหน้ามาขนาดนี้แล้ว ก็อย่าได้หวั่น สั่งข้าวมันซิฮะพี่น้อง ถ้วยละ 30 บาท พอมาวางตรงหน้า ก็รู้สึกมันกำลังดี ไม่มันเยิ้ม
เอาตะเกียบหยิบไก่ จุ่มน้ำจิ้ม ใส่ปาก ตักข้าวมันตาม โอย เพลินใจจนอยากกินอีกสักครึ่งตัว แต่ไม่ไหว เพราะยังสั่งอย่างอื่นมาประกอบอีก คือ เต้าหู้ทอด
เต้าหู้ทอดร้านนี้ แค่มองก็สวยแล้ว ดูเหมือนชีสทอดยังไงชอบกล เป็นเต้าหู้ที่เนื้อนิ่มมากๆ ละลายในปากของแท้ ต้องบอกว่า โคตรอร่อย เสียอย่างเดียว น้ำจิ้มเป็นมายองเนส ที่เราว่าไม่เข้ากับเต้าหู้เท่าไหร่ เลยกินแบบไม่จิ้ม หรือบางทีก็เอาไปจิ้มน้ำจิ้มไก่ ให้ความรู้สึกดีกว่าจิ้มมายองเนส แถมจานนี้ ราคาแพงนิด คือ 160 บาท กับเต้าหู้ทอด 8 ชิ้น ตกชิ้นละ 20 บาท เพราะฉะนั้น กินแต่ละคำเลยต้องละเลียดน่าดู กลัวหมดเร็ว 555
ยังรู้สึกอยากกินอะไรอีกสักอย่าง เลยลองสั่งผักโขมไข่ 3 อย่างมา ก็ประทับใจทีเดียว จานนี้ 180 บาท
อาจเพราะปกติเราชอบกินผักโขม เลยสั่งจานนี้ และแอบดู แอบมองว่า ทำยังไง กะว่ากลับบ้านจะไปลองทำเองดู น่าจะไม่ยากเท่าไหร่ เท่าที่เห็น น่าจะมีผักโขมใสน้ำซุปที่ใส่แป้งมันนิดหน่อย แล้วตอกไข่ที่ตีแบบน้อยๆ ลงไป ประดับด้วยไข่เยี่ยวม้า และไข่เค็มหั่นเสี้ยว ก็อร่อยได้ใจ
ด้านเครื่องดื่ม ต้องบอกว่า ร้านนี้ไม่แพง เราสั่งเก๊กฮวยกับชาจีนเย็นอย่างละแก้ว ราคาแก้วละ 20 บาท และรู้สึกทุกครั้งว่า เวลากินอาหารตามร้าน จะดูว่าร้านนี้โหดเกินไปหรือเปล่าให้ดูที่ราคาน้ำ เพราะถ้าคิดค่าน้ำแพงมากไป เช่น ชาแก้วละ 50-70 เราก็ไม่อยากกินอะไรล่ะ เพราะพลอยคิดว่าทุกอย่างจะแพงไปหมด แต่ถ้าเจอระดับแก้วละ 20-30 ก็ถือว่ารับได้
สรุปแล้ว ร้านนี้ อร่อยมากๆ และต้องกลับไปกินอีกแน่นอน แต่อาจจะสั่งเฉพาะข้าวมันไก่อย่างเดียว เพราะกิน 2 คน พอสั่งหลายอย่าง รู้สึกว่าอิ่มเกินไปนิด แต่ถ้าไปกันเยอะ ก็อาจจะมีโอกาสสั่งได้หลายอย่าง
สุดท้าย เอาใบเสร็จมาให้ดูเป็นหลักฐาน ว่ากินเอง จ่ายเอง ไม่ได้ไถใครนะฮะ อยากกินก็จ่ายเอง สบายใจกันทุกฝ่าย
ร้านนี้ ให้ 5 ดาวเลย
ปอลิง จากใบเสร็จ เห็นว่า ร้านนี้ไม่มีเซอร์วิสชาร์จ แต่บริการดีมากๆ อย่างนี้ ทำให้อยากทิปมากกว่าที่บังคับเซอร์วิสชาร์จกันนะ และ VAT ก็ไม่ได้มาคิดตะหาก แต่บวกมาในราคาแต่แรก ดังนั้น เห็นราคาในเมนูเท่าไหร่ ก็เท่านั้นแหละ ไม่ต้องมาบวก VAT 7% กับเซอร์วิสชาร์จ 10% กลายเป็นอีก 17% ให้ปวดใจ
ให้ 5 ดาวอีกทีเลยเอ้า
I-Dea Stories (ไอ) เดียสตอรี่ส์ เป็นบล็อคที่รวบรวมผลงานเขียนส่วนตัวของอดีตสองนักข่าวบางกอกโพสต์ ซึ่งมีมากหมายหลายประเภท ทั้ง เรื่องสั้น บทความประวัติศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา และที่สำคัญ สิ่งที่เป็นอาชีพของเราในยามนี้ คือ การท่องเที่ยว ที่พ่วงอาหารการกินมาด้วยโดยปริยาย (อ่านฟรีฮับ)
ผ่าตัดสมอง
ผ่าตัดสมองเหรอ...เรื่องเล็กน่า :)
เมื่อต้นปี 2559 เรามีอาการผิดปกติ เหมือนจะชัก เลยไปหาหมอ ตรวจพบว่า มีเนื้องอกในเยื่อหุ้มสมอง แต่ยังเป็นขนาดเล็ก และเนื้องอกประเภทนี้ ส่วนใหญ...

-
เรื่องสั้น "เบื้องหลังรอยยิ้มของโมนาลิซา" ตีพิมพ์ใน "ขายหัวเราะ" วันที่ 6 ก.ค. พ.ศ.2559 เป็นเรื่องสั้นที่ "รัก...
-
ร้าน Salad Factory (สลัด แฟคตอรี่) เป็นร้านที่อยากแนะนำมากๆ เพราะอาหารคุณภาพดี ราคาไม่แพง ของดังของร้านนี้ ก็ตามชื่อเลย คือ สลัดประเภทต่างๆ...
-
เรื่องสั้น "อโหสิกรรม" / ตีพิมพ์แล้ว ใน "ขายหัวเราะ" มิ.ย.2559 ตัดสินใจเขียนเรื่องสั้น หลังจากรู้ว่า มีเนื้องอกในสมอง ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น