วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

รีวิว ร้าน Salad Factory (สลัด แฟคตอรี่)

ร้าน Salad Factory (สลัด แฟคตอรี่) เป็นร้านที่อยากแนะนำมากๆ เพราะอาหารคุณภาพดี ราคาไม่แพง ของดังของร้านนี้ ก็ตามชื่อเลย คือ สลัดประเภทต่างๆ ผักของร้านนี้ ต้องบอกว่า งานดีไปทั้งหมด เป็นผักที่สด อร่อย น่ากิน แต่สิ่งที่เราชอบมากกว่าสลัด คือ ของดังอีกอย่างของร้านนี้ คือ สเต็ก ที่มีให้เลือกเยอะแบบไปหมด ภาพแรกเลยขอนำเสนอสเต็กหมูสันคอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบมากที่สุด

ด้านราคา โวะ บอกเลยว่า สุดยอด มาดูใบเสร็จที่เพิ่งไปทานเมื่อวานนี้กัน จะเห็นว่า สเต็กจานนี้ แค่ 165 บาท และเขามีให้เลือกเครื่องเคียงด้วย เลือกได้ 2 อย่าง เรามักเลือกเห็ดย่าง กับผักย่างเสมอ แต่ก็มีบางคน เลือกเครื่องเคียงเป็นข้าว บอกได้เลย คุณจะอิ่มมาก เพราะเขาให้ข้าวมาแบบพูนๆ เยอะๆ เลยล่ะ


ร้านนี้ ต้องบอกก่อนว่า ที่นั่งน้อย คนเต็มเร็ว ดังนั้น โทรจองโต๊ะก่อน จะดีที่สุด แต่ถ้าโทรจอง ต้องมาตรงเวลา หากเลยไป 15 นาที เขาก็ไม่รอแล้ว (เราว่าถูกต้อง ไม่งั้นคนอื่นก็ไม่ได้กินสักที)

อาหารอีก 2 จานที่เราสั่งประจำ ก็ตามที่เห็นในเมนู คือ สลัดแซลมอนดิบ 200 บาท


กับยำมะม่วงปลาทอด 130 บาท อันนี้ ชอบมากๆ เพราะปลาทอดอร่อย และมาเคียงกับน้ำจิ้มมะม่วงเปรี้ยว ได้ใจจิ๊ดจ๊าด

ร้านนี้ มีหลายสาขา เช่น ที่เมืองทองธานี ในโรบินสันศรีสมาน เดอะคริสตัลราชพฤกษ์ และอาจจะมีที่อื่นที่เราไม่รู้อีก แต่สาขาที่เราไปประจำ คือ ที่ คริสตัล ปาร์ค วีรันด้า หรือที่คนมักเรียกกันว่า คริสตัล ปาร์ค เลียบด่วนรามอินทรานั่นแหละค่ะ พนักงานบริการดี แต่อย่างที่บอก โต๊ะเต็มเร็วมาก หากไม่จอง ก็ต้องรอคิวนาน

ทางด้านของสเต็กเนื้อ ร้านนี้ก็มีให้เลือกตั้งแต่เนื้อราคาถูก ราคาหลักร้อย ไปยันเนื้อราคาแพง ที่ 600 กว่าบาท ก็เรียกว่า เอาตามใจชอบกัน

เอาภาพมาให้ดูกันเพิ่ม ว่าถ้าสั่งข้าว ได้ขนาดนี้เลย เราก็เลยไม่ค่อยสั่ง เพราะรู้สึกเยอะเกิน

ส่วนอันนี้ เครื่องเคียงเป็นผักโขม ก็อร่อยดี

อันนี้ เครื่องเคียงแบบที่เราสั่งประจำ คือ เห็ดย่าง กับผักย่าง



อ้อ ด้านสลัดของเขาที่ดังๆ เวลาสั่ง อาจตกใจนิด เพราะจะมาเป็นชามใหญ่มากๆ อย่างชามนี้เป็นสลัดหมูย่างสมุนไพร และไม่ว่าสั่งสลัดอะไร ก็จะมาเป็นชามยักษ์แบบนี้หมด 

มาดูสเต็กกันอีกที


รวมความแล้ว ร้านที่ ให้ 9/10 คือ ดีไปหมด แต่ครั้นจะให้ 10/10 ก็ยังไม่แน่ใจ เผื่อเจอร้านอื่นอร่อยกว่า เลยขอหักไว้คะแนนนึงก่อนก็แล้วกัน 55 แต่แนะนำให้ไปใช้บริการกันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ชอบสลัก และสเต็ก มันยอดมาก


วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

รีวิว โรงแรมเกษมศานติ์ จันทบุรี Kasemsarn Hotel

อย่างที่บอกไว้คราวก่อน ว่าติดไว้กับการรีวิว โรงแรมเกษมศานติ์ จันทบุรี Kasemsarn Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่เราพักต่อเนื่องมาหลายปี น่าจะเดินเข้าเดินออกมาหลายสิบครั้งจนพนักงานส่วนใหญ่จำได้ เลยขอมารีวิวกันหน่อย


แต่ก็ต้องขออภัยไว้ก่อน เพราะแม้ว่าจะมาพักที่นี่หลายสิบครั้ง แต่แทบไม่ได้ถ่ายรูปรายละเอียดไว้เลย ถึงกระนั้น ก็บอกก่อนเลยว่า ให้คะแนนที่นี่ 9 เต็ม 10 เพราะบริการดีมากๆ

เตียงนอนที่นี่ นอนสบาย ผ้าห่มนุ่ม ให้หมอนเยอะ (นี่ของชอบ) ห้องน้ำมีอุปกรณ์ให้ครบพอประมาณ คือ สบู่ แชมพู น้ำอุ่น ครบครัน

ห้องมี 2 ขนาด คือ ห้องเล็ก ไม่มีระเบียง คืนละ 900 บาท และห้องใหญ่มีระเบียงที่เราพักจำ 980 บาท (แต่จะปรับเป็นราคาพันกว่าบาท ในช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่) และราคานี้ หากต้องการอาหารเช้าเพิ่ม ก็บวก 150 บาท

ที่ดีที่สุดอีกอย่างคือ ที่จอดรถในร่ม จอดสบาย ไม่กลัวแดด กลัวฝน

เรามาพักหลายปีติดต่อกัน และในโรงแรมมีร้านกาแฟเล็กๆ น่ารัก ที่เราไปกินบ่อยๆ แต่มาปีนี้ เขาบริการ แจกกาแฟฟรีให้แก้วนึงด้วยแฮะ


อันนี้ เราคิดเอาเองว่า เป็นซิกเนเจอร์ของร้านกาแฟนี้ คือ มีวาฟเฟิลทำสดใหม่ เสริฟมาพร้อมน้ำผึ้ง ไปทีไรต้องสั่งมารองท้อง หอม อร่อย

ตรงล็อบบี้ มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ น่ารัก ไว้เสมอ

ย้อนไปเรื่องอาหารเช้านิดนึง หากไม่เอาในเซ็ตที่ราคา 150 บาท ก็สั่งเป็นอาหารตามสั่งได้ อันนี้ เราสั่งไข่กระทะ ก็อร่อยดี

ส่วนถ้าเป็นอาหารในเซ็ต จะมีให้เลือก เช่น ไส้กรอก-ไข่ดาว, ข้าวต้ม หรือข้าวกะเพรา และทุกครั้งที่เรามา เราจะสั่งข้าวกระเพรากุ้ง เพราะกุ้งที่นี้ โคตรอร่อย สมเป็นจังหวัดริมทะเล และในชุด จะมีเครื่องดื่ม ชากาแฟ รวมน้ำส้มให้ด้วย ถือว่าคุ้มกับ 150 บาท


โรงแรมอยู่ในทำเลดี ใกล้เมือง เดินเข้าไปในเมืองได้ภายในไม่กี่นาที แต่ที่เด็ดกว่าคือ เดินไปชุมชนริมน้ำได้เลย เที่ยวได้ทั่วริมน้ำจันทบูร เลยเป็นโรงแรมที่ถือว่า น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่เคยมาเที่ยวชุมชนริมน้ำจันทบูร  เพราะพักที่นี่ เที่ยวได้ครบแน่ เดินไปได้ทั่ว ไม่มีเหนื่อย



เดินไปนิดเดียว ก็ถึงโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ 

ถ้าสังเกต น้ำที่นี่ ใสนะคะ มองเห็นเงาสะท้อนเหมือนด้านบนเลย

รีวิวนี้ ถือว่า ไม่ดีนัก เพราะหารูปโรงแรมไม่ค่อยเจอ แต่ยืนยันว่า พักมาหลายสิบรอบ โรงแรมนี่ ถือว่าเยี่ยม แต่ถ้าใครขาไม่ดี พยายามขอห้องพักชั้น 2 นะคะ คือ เขามี 3 ชั้น แต่ไม่มีลิฟท์

พนักงาน บริการดีสุดๆ แทบทุกคน
ทีวีมีให้ดูเยอะช่องมาก นอนโรงแรมนี้ ดูหนังเพลินเลย



วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

รีวิว โรงแรม Hop Inn ฮ็อป อินน์ จันทบุรี

วันนี้ มาแนะนำโรงแรมกันบ้าง ขอไปที่จันทบุรีหน่อย เพราะเป็นจังหวัดที่ไปบ่อย ปกติ แทบทุกครั้ง จะพักที โรงแรมเกษมศานติ์ ถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีมากๆ ราคาคืนละ 900-980 บาท บริการดี ทุกอย่างดีหมด แต่เอาไว้วันหลังจะมารีวิวอีกที เพราะคราวนี้ เปลี่ยนใจ ไปลองโรงแรมใหม่ คือ Hop Inn ฮ็อป อินน์



เหตุผลที่เลือกรีวิว Hop Inn ก่อน เพราะตอนนี้ เขาเปิดสาขาเยอะมาก และทุกสาขา บริการเหมือนกันหมด เลยน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนชอบเที่ยว เผื่อจะเป็นทางเลือก เพราะข้อดีของโรงแรมเครือข่ายขนาดใหญ่นี้ นอกจากราคาถูกแล้ว (เริ่มต้นที่ คืนละ 650 บาท) ความที่บริการเหมือนกันทุกสาขา ทำให้ไปไหนก็ง่ายดี รู้ว่าจะได้รับบริการแบบนี้ค่อนข้างแน่นอน สบายใจได้

Hop Inn เป็นโรงแรมเครือข่ายขนาดใหญ่ มีทั้งที่ฟิลิปปินส์ และในไทยเองก็เปิดเยอะมาก เท่าที่พอจะเห็นอยู่ก็มี 28 สาขา คือ บุรีรัมย์ จันทบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ชุมพร หาดใหญ่ หัวหิน กาญจนบุรี ขอนแก่น กระบี่ ลำปาง ลำปางซิตี้เซ็นเตอร์ แม่สอด มุกดาหาร นครราชสีมา นครศรีธรรมราช หนองคาย พิษณุโลก ภูเก็ต ระยอง ร้อยเอ็ด สระแก้ว สกลนคร สุราษฎร์ธานี ตรัง อุบลราชธานี อุดรธานี

เอาล่ะ มาเข้าที่จันทบุรีกัน เราจองผ่านเว็บของโรงแรม ก็จองง่าย ไม่มีปัญหา และเมื่อถึงวัน ก็มีการส่งอีเมล์มาแจ้งเตือนแต่เช้าด้วย

พอไปถึงโรงแรม ก็จ่ายเงิน ถ้าเป็นราคาปกติ คืนละ 650 บาท แต่ถ้าเป็นศุกร์-เสาร์ ราคาปรับเป็น 700 บาท (แต่ถ้าเป็นนักศึกษา ลดให้ 50 บาท ไอ้ครั้นจะหลอกเขาว่าเป็นนักศึกษา หน้าก็ไม่ให้เสียแล้ว) พอจ่ายค่าเข้าพ้กเสร็จ เขาขอค่ามัดจำคีย์การ์ดอีก 100 บาท ก็ไม่มีปัญหา ตอนเช็คเอ้าท์เขาก็คืนให้

 
คีย์การ์ดของที่นี่ ทำเหมือนเวลาเราไปออนเซ็นที่ญี่ปุ่น คือ มีสายคล้องข้อมือไว้ด้วย ก็ดีเหมือนกัน ไม่หายแน่นอน

ว่าแล้ว ก็มองไปรอบๆ ล็อบบี้ ว่ามีอะไรบ้าง โอะ มีกาแฟให้ฟรี เลยลองซะหน่อย รสชาติดีทีเดียว มีทั้งกาแฟ และช็อคโกแลตร้อน แต่บริการเฉพาะ 6.00-11.00 น. เท่านั้น (อันที่จริง เวลาที่เราสามารถเช็คอินได้คือ 14.00 น. ซึ่งเลยเวลาบริการกาแฟไปแล้ว แต่เราไปถึงก่อนแต่เช้า เพื่อเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อน เลยได้ชิมกาแฟก่อน)





นอกจากกาแฟ ก็มีบริการอาหาร และความที่เป็นโรงแรมแบบกึ่งโลว์คอสต์ เลยเป็นอาหารของ CP ในตู้แช่ ให้ใส่ไมโครเวฟเอาเอง เท่าที่ดูราคา ไม่ได้ชาร์จเกินควร เริ่มที่ประมาณ 40-70 บาท



ทีนี้ ก็จะเริ่มเข้าไปด้านใน ซึ่งที่ชอบมากๆ คือหากไม่มีคีย์การ์ด คือ ถ้าไม่ใช่แขกที่พักที่นี่ จะเข้าได้แค่ล็อบบี้ ไม่สามารถไปต่อ เพราะถ้าจะไปต่อ ต้องแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตู ที่จะเข้าไปถึงลิฟต์ได้ เรียกว่า รักษาความปลอดภัยได้ดีมากๆ ในระดับน่าพอใจ

(จุดนี้ คือ จุดที่ต้องแตะคีย์การ์ด ก่อนที่จะเข้าไปถึงลิฟต์ได้) 

มาถึงห้อง ก็ใช้ระบบคีย์การ์ดเหมือนกัน



ส่วนการล็อคในห้อง ชอบที่มีระบบ 2 ชั้น


 และการเปิดไฟภายใน ก็เหมือนๆ ที่อื่น คือ ต้องเสียบคีย์การ์ดก่อน ระบบไฟในห้องถึงจะทำงาน


อ้อ มีไว-ไฟ ให้ฟรีด้วย


มาถึงเตียง ดูใหม่ สะอาด สมเป็นโรงแรมเปิดใหม่ นอนสบายทีเดียว แต่ผ้าห่มออกจะบางไปนิด



โทรทัศน์ อันนี้ ไม่ดีเท่าไหร่ คงเพราะโรงแรมราคาถูก เลยมีช่องน้อยมาก ประมาณ 10 ช่องปกติ แถมมีระบบ Eco คือ ถ้าไม่กดเปลี่ยนช่องภายใน 30 นาที โทรทัศน์จะดับเอง อันนี้ เข้าใจว่า มีข้อดีคือ ไม่เปลืองไฟ หากแขกเผลอหลับไปโดยเปิดทีวีทิ้งไว้ แต่บางที เราดูหนังต่อเนื่อง โดยไม่เปลี่ยนช่อง ทั้งๆ ที่ตั้งใจดูอยู่ ทีวีก็ดับ ต้องเสียเวลามาเปิดใหม่ ถ้าเป็นรายการตอนที่กำลังสนุก ก็แย่เลย


ตู้เย็น ขนาดมาตรฐาน

ที่แขวนเสื้อผ้า แบบนี้ เราชอบมากกว่าแบบมีตู้นะ เพราะทำให้ไม่ลืมของ


ที่ชอบอีกอย่างคือ มีโต๊ะยาวตลอดแนวห้อง ทำให้วางของสะดวก




มีหน้าต่างเล็กๆ พอมองเห็นวิว

ตรงนี้ มีอีก 1 ประตู ทีแรกคิดว่า เป็นประตูเชื่อมกับห้องติดกัน แต่พอเปิดออกไป ไม่มีอะไร เป็นแค่ที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ เลยงง ว่าเขาจะลงทุนทำเป็นประตูทำไมน้อ

แอร์ก็เย็นดีเชียว



มีน้ำดื่มให้ 2 ขวด มาตรฐานปกติ มีโทรศัพท์ แต่วางไว้ตรงนี้ ทำให้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์จากเตียงนอนได้ ต้องลุกขึ้นมาโทรเท่านั้น อันนี้ ไม่ชอบเท่าไหร่



มาสำรวจห้องน้ำกัน ใหม่ อุปกรณ์ดูดี มีสบู่ แชมพู ให้ แนวมาตรฐาน

มีผ้าเช็ดตัวใหญ่ 2 ผืน ไม่มีผืนเล็กให้นะจ๊ะ

ส่วนนี้ ไม่ค่อยชอบ คือ ไม่มีที่แขวนทิชชู แต่วางไว้ข้างบนชักโครก มันทำให้เผลอทำหล่นง่าย

ที่ไม่ชอบอีกอย่างคือ ประตูห้อง ทุกห้องเลย เวลาปิด จะเสียงดังมาก ดังนั้น ไม่ว่าห้องไหนปิดประตู เราได้ยินหมด เวลานอน ก็ตกใจตื่น เรียกว่า เป็นข้อเสียงสำคัญ คือ เสียงรบกวนต่างๆ เข้ามาในห้องได้หมด อาจจะผนังบาง ตามประสาตึกสร้างใหม่ ตอนเช้าๆ ได้ยินทั้งเสียงไก่ขัน เสียงหมาเห่า เสียงปิดประตู ถ้าใครเป็นคนนอนไว คงไม่สบายใจแน่ๆ แต่ตอนกลางคืน ก็เงียบดี รวมๆ แล้ว เราอยู่ได้ แม้จะรำคาญเสียงปิดประตูนิดหน่อย

สำรวจห้องเสร็จ พอจะออกไปข้างนอก ระบบรักษาความปลอดภัยคือ ต้องกดปุ่มก่อน ถึงจะออกไปได้



ข้อเสียที่ไม่ชอบอีกอย่างคือ ลานจอดรถ ร้อน ไม่มีหลังคา ถ้าปรับปรุงเรื่องนี้ได้ จะให้คะแนนเพิ่ม


ส่วนอันนี้เป็นสาขาที่เขามีไปทั่วประเทศล่ะ ถือว่าเป็น บัดเจ็ท โฮเทล ที่เติบโตเร็วมากๆ 

รวมแล้ว เต็ม 10 ให้ 7 ไม่ได้หักคะแนนมาก เพราะส่วนดีก็เยอะอยู่ และคิดว่า จะกลับไปใช้บริการอีกแน่ๆ เลย

ผ่าตัดสมอง

ผ่าตัดสมองเหรอ...เรื่องเล็กน่า :)

เมื่อต้นปี 2559 เรามีอาการผิดปกติ เหมือนจะชัก เลยไปหาหมอ ตรวจพบว่า มีเนื้องอกในเยื่อหุ้มสมอง แต่ยังเป็นขนาดเล็ก และเนื้องอกประเภทนี้ ส่วนใหญ...