วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิว บริติช แอร์เวยส์ กรุงเทพฯ - ลอนดอน โถ เป็นกึ่งโลว์คอสต์ก็ไม่บอก

เราเพิ่งกลับจากอังกฤษค่ะ

เดินทางไปอังกฤษรอบนี้ ไปแบบด่วนกระทันหัน จากเดิมที่จองตั๋วไปญี่ปุ่น ก็เปลี่ยนจุดหมายเป็นลอนดอน เลยต้องรีบซื้อตั๋วแบบไม่ทันตั้งตัว และเนื่องจากมีเวลาน้อย เลยเลือกแบบบินตรง ซึ่งก็มีให้เลือกเพียง 3 ราย คือ การบินไทย อีวา และบริติช แอร์เวยส์ และเมื่อเทียบราคาแล้ว ก็เลือกบริติช แอร์เวยส์ ทำให้ได้ความรู้ใหม่ว่า บริติช แอร์เวยส์ ไม่ได้เป็นสายการบินแบบฟูลเซอร์วิส แต่เป็นกึ่งๆ โลว์คอสต์ ทำให้ตกใจมาก เพราะปกติ ทุกครั้งที่จองตั๋วเสร็จ ก็จะเข้าไปเลือกที่นั่ง แต่ของบริติช แอร์เวยส์ เลือกที่นั่งไม่ได้ค่ะ หรือจะว่าได้ ก็ได้ แต่ต้องจ่ายเพิ่ม คนละประมาณ 5,000 บาท ไอ๊หยา ไม่อยากเชื่อเลยว่าสายการบินแห่งชาติของบริเตน จะเป็นไปได้ขนาดนี้ และหากต้องการที่นั่งตรง Exit ที่กว้างกว่าจุดอื่นๆ ก็จ่ายแพงขึ้นไปอีก พอคิดแล้วคิดอีก เลยไม่จ่าย เพราะ 2 คน ปาเข้าไปเป็นหมื่น แต่บริติช แอร์เวยส์ก็ขยันส่งอีเมล์มาเตือนทุกวันว่า จ่ายเงินจองที่นั่งเหอะ ไม่งั้นเดินทาง 2 คน อาจจะต้องแยกกันนั่งนะ แหมๆๆๆ มีเตือนให้ตกใจอีก

แต่โชคดี ระหว่างคิดหาข้อมูล ก็ได้พบว่า ตัวเองเป็นสมาชิกของกาตาร์ แอร์ ระดับ ruby (คำนี้ อ่านออกเสียงแล้วขำทุกที ฉันเป็น "รูบี้" ย่ะ 555) ซึ่งพอดีว่า เป็นพัธมิตรกับ บริติช แอร์เวยส์ และไอ้ความ "รูบี้" นี่แหละ ทำให้สามารถจองที่นั่งได้ฟรี เลยหมดปัญหา

ก็มาเจอปัญหาที่ 2 ให้ตาย สายการบินแห่งชาติของบริเตน ให้น้ำหนัก 46 กก. แต่แบ่งออกเป็น 23 กก.สำหรับโหลดกระเป๋า 1 ใบเข้าใต้ท้องเครื่อง และอีก 23 กก.ให้ถือขึ้นเครื่อง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า กระเป๋าต้องมีขนาดไม่ใหญ่เกินกำหนดของการขึ้นเครื่อง และผู้โดยสารต้องสามารถยกไปเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระบนหัวได้โดยที่พนักงานจะไม่ช่วย ก็ OK ค่ะ ใครจะเอาอะไรไปขึ้นเครื่องได้ตั้ง 23 กก.กับกระเป๋าใบนิดๆ (เอ หรือจะขนหินไปดี 55 แต่ต้องลำบากยกขึ้นหัวอีก เดี๋ยวตกมาหัวแตกจะยุ่ง)

นอกจากเรื่องที่นั่งกับน้ำหนัก บริติช แอร์เวยส์ ยังเป็นสายการบินแห่งชาติที่ขนาดของเก้าอี้เล็กที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด จอดูทีวีเล็กที่สุด มีหนังให้ดูน้อยที่สุด และไม่มีเกมให้เล่น ดังนั้น อยู่บนเครื่อง นอนดีกว่า คร่อก....

พอไปถึงอังกฤษ บ่นๆ กับเพื่อนชาวอังกฤษว่า ทำไม สายการบินแห่งชาติของยูมันแย่ขนาดนี้ คนอังกฤษก็จะรีบบอกว่า ไม่ใช่ๆๆๆ เดี๋ยวนี้ บริติช แอร์เวยส์ ไม่ได้เป็นของอังกฤษแล้ว แต่พวกสเปนมาเทคโอเวอร์ไปตะหาก ห๊า...เพิ่งรู้นะเนี่ย
เห็นอย่างนี้แล้ว คิดถึง การบินไทย...ฉันรักเจ้าป้าขึ้นมาเลยแฮะ

จอเล็กนิดนึง

เราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และพยายามไม่ดื่มน้ำหวาน เวลาขึ้นเครื่องบิน เลยมักจะขอ "สปาร์คกิ้งวอเตอร์" ซึ่งทุกสายการบิน มีให้บริการตลอด แต่ของบริติช ให้รอบเดียว นอกนั้นมีแต่ไวน์ ซึ่งเราไม่ดื่ม


อาหารมื้อแรก เขาถามว่า จะเอาปลา หรือไก่ เลยเลือกปลา ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ เดาได้เลยว่า มาจากครัวการบินไทยแน่ๆ 

อาหารมื้อที่สองก่อนเครื่องลง เป็นเนื้อ และยังคงคอนเซปต์ที่ชัดเจนว่าเป็นของไทย

อาหารขากลับ

ข้างในเป็นพาสต้า หน้าตาประหลาดๆ


กาแฟ รอบแรก เสริฟในแก้ว รอบสองเป็นแก้วกระดาษ

อาหารรอบสอง เขาบอกว่าเป็นอิงลิช เบรคฟาสต์ 



วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บำนาญชราภาพ ประกันสังคม

"ประกันสังคม"
นี่คือสิ่งที่ "มนุษย์เงินเดือน" ทุกคนมีอยู่ และยังอาจจะไม่เข้าใจมันมากนัก พอดีเราได้เข้ารับการอบรมเรื่องนี้ และเห็นว่า น่าสนใจ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่อง "บำนาญชราภาพ" ที่มีผู้สอบถามข้อสงสัยต่างๆ กันล้นหลาม ก็เลยคิดว่า น่าจะมีผู้อยากรู้อีกมาก เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง


ทุกคนที่ส่งเงินประกันสังคม จะถูกแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ คือ ส่วนเจ็บป่วย ส่วนว่างงาน และส่วนชราภาพ ซึ่งส่วนชราภาพ เป็นส่วนที่สำนักงานประกันสังคมเก็บเอาไว้เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุด

มนุษย์เงินเดือนทุกคนที่ส่งเงินประกันสังคม เกินกว่า 180 งวด จะได้บำนาญชราภาพ (ไม่ได้นับเป็นปีนะคะ 180 งวด หาร 12 คือ 15 ปี แต่หากมีในช่วงระหว่างนั้นมีการว่างงาน และขาดส่ง แล้วกลับมาส่งใหม่ ก็ให้นับงวดต่อเนื่อง ดังนั้น ในกรณีปกติ 180 งวด คือ 15 ปี แต่สำหรับบางท่าน อาจจะเป็น 16 ปี หรือมากกว่า หากมีการว่างงานระยะหนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าอะไรๆ ประกันสังคมเขานับเป็น "งวด" ไม่ได้นับเป็นจำนวนปีนะคะ)

ทีนี้ บำนาญชราภาพนี้ จะได้ก็ต่อเมื่อ อายุเกิน 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ประกันตนแล้ว นั่นคือ ต้องว่างงานแล้ว (เขากำลังแก้กฎหมายเปลี่ยนอายุเป็น 60 ปี ซวยกันถ้วนหน้าจริงๆ) 

แล้วจะได้เงินเท่าไหร่ ให้เอาเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย (เช่นกันค่ะ ไม่ได้หมายถึง 5 ปี แต่เป็น 60 เดือนสุดท้ายที่มีเงินเดือน ซึ่งอาจมีการเว้นช่วงได้) มาหารเฉลี่ย แล้วจ่ายให้เราทุกเดือนหลังเกษียณ ในอัตรา 20% ของเงินเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายนี่ และเพิ่มจำนวน 1.5% ขึ้นทุกๆ 12 งวด

แต่ อย่าฝันหวาน อย่าคิดว่า เงินเดือน 1 แสนบาท จะได้บำนาญ 20% ของ 1 แสน คือ เดือนละ 20,000 บาท เพราะไอ้ที่พูดถึงเงินเดือนนั้น ประกันสังคม เขาคิดสูงสุดให้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท

ดังนั้น สมมติ ใครที่ลาออกสิ้นปีนี้ และเริ่มส่งมาตั้งแต่มีการก่อตั้งเบี้ยชราภาพ ก็เท่ากับส่งมาแล้ว 228 งวด (19 ปี) ก็จะได้บำนาญ เดือนละ 3,900 บาท ตั้งแต่อายุ 55 ไปจนเสียชีวิต (แต่อย่างที่บอกนะคะ เขากำลังจะแก้กฎหมายเป็นอายุ 60 ปี) และหากสิ้นปีนี้ยังไม่ออกจากงาน ก็นับปีเพิ่มไปเรื่อยๆ ตามตารางข้างล่างนี้ค่ะ

ย้ำว่า เวลาประกันสังคมเขานับ เขานับเป็นงวด และกองทุนนี้ เริ่ม 31 ธ.ค.2541 นั่นหมายถึงมีการเก็บงวดแรกในเดือนมกราคม 2542 ถึงได้บอกว่า เมื่อสิ้นปีนี้ จะครบ 19 ปี หรือ 228 งวด อันนี้ ฝากเตือนให้ระวังนะคะ ประกันสังคม เขาจะนับเพื่อเพิ่มขั้นการจ่ายทุกๆ 12 งวด สมมตลาออกจากงานเดือน พ.ย. ปีนี้ แทนที่จะได้บำนาญเดือนละ 3,900 บาท ก็จะเหลือ 3,675 บาท เพราะถือว่าส่งสมทบไม่ครบ 228 งวด เขาจะปัดลง 1 ขั้นทันที แม้จะส่งมา 227 งวดแล้ว แต่ประกันสังคมจะให้ที่ฐาน 216 งวดเท่านั้น ดังนั้น ก่อนลาออกจากงาน ควรเช็คดูว่า ตัวเองส่งมากี่งวดแล้ว หากขาดอีกนิดเดียวก็จะได้ข้ามขั้น และสามารถรอการลาออกได้ ก็น่าจะรอ เพื่อเพิ่มขั้นก่อน โดยจำนวนงวดที่ส่งมาแล้ว สามารถโทรถามได้ที่ประกันสังคม

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิดดีๆ คือ เมื่อลาออกจากงานแล้ว จะส่งตัวเองเป็นผู้ประกันตนแบบอิสระดีไหม คำตอบคือ ถ้าหากคุณเงินเดือนเกิน 15,000 คุณจะได้บำนาญในฐานสูงสุด แต่ถ้าคุณออกจากงาน แล้วส่งประกันสังคมด้วยตนเอง ประกันสังคมจะถือว่า คุณมีอาชีพอิสระ และลดฐานเงินเดือนลงไปเหลือฐานต่ำสุด คือ ช่องที่เงินเดือน 4,800 บาท และเมื่อถึงเวลาเกษียณ แทนที่จะได้เงิน 3,900 บาท ก็จะเหลือ 1,248 บาททันที ขาดทุนจนป่นปี้ (อันนี้ นับกรณีว่า ลาออกสิ้นปีนี้นะคะ ถ้าเพิ่มเวลา ก็เพิ่มไปตามส่วนในช่องตามภาพ)

ข้อนี้ ถ้าพลาดแล้วพลาดเลยนะคะ
ก่อนลาออก คำนวณกันดีๆ จะได้ไม่เสียใจตอนเกษียณนะคะ

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิว ร้าน Size S Coffee & Bakery / กินขนมหวานไม่กลัวอ้วน

วันนี้ มาพาไปกินขนมกันค่ะ แต่สาวๆ (รวมถึงหนุ่มๆ) ที่กังวัลเรื่องกลัวอ้วน อาจจะไม่ค่อยอยากเห็นขนมสักเท่าไหร่ เพราะอดใจไม่อยู่ทีไร น้ำหนักเพิ่มพรวดๆ แต่ร้าน Size S Coffee & Bakery ที่กำลังจะพาไปดูกันนี้ อาจช่วยให้หายอยากของหวานได้ โดยไม่อ้วน (มากนัก)

มาดูรูปแรกเรียกน้ำย่อยกันก่อน


อันนี้ เป็น เครมบรูเล่ (creme brulee) ค่ะ ก่อนสั่งเมนูนี้มาทาน จะเห็นอยู่ในตู้ เหมือนคัสตาร์ดในถ้วยเคลือบ แต่พอเราสั่ง ทางร้านจะเอาไปโรยน้ำตาล พ่นไฟ จนเป็นเกล็ดคาราเมลอย่างที่เห็น และใส่ผลไม้มาให้ด้วย ออกมาหน้าตาดี รสชาติเยี่ยม อร่อยจนอยากเลียถ้วยเลย 555 และเมนูนี้ ต้องทานที่ร้านเท่านั้น ซื้อกลับไม่ได้ เพราะเขาต้องพ่นไฟกันก่อนทาน

กลับมาสู่ประเด็นที่ว่า ทำไม ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะเท่าที่อ่านมา ร้านนี้ เขามีคอนเซปต์ คือ ทำขนมหวานให้ชิ้นเล็กๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทานชิ้นใหญ่แล้วอ้วน หรืออีกแนวคิดนึงคือ พอเป็นชิ้นเล็ก ก็สั่งได้หลายอย่าง ทานอย่างละคำสองคำ ทำให้มีความสุขเล็กๆ ได้

ร้านนี้ อยู่ที่ซอยงามดูพลี เข้ามาจากถนนพระราม 4 นิดเดียว ซ้ายมือ เป็นร้านเล็กๆ ขนมก็ไซส์เอส ร้านก็ไซส์เอสด้วย แต่บริการให้ไซส์ XL เลย เยี่ยมยอดค่ะ

มาต่อกันที่  ชีสเค้ก (cheesecake)


อันนี้ อร่อยมากค่ะ รสชีสเด่น ขนมเนื้อเนียนนุ่ม เสริฟมาคู่กับแยม อันที่จริง ไม่ต้องมีแยมก็อร่อยแล้ว แต่พอมี ก็เหมือนจะเพิ่มความอร่อยไปอีกขั้น แนะนำเลยว่า ทั้ง เครมบรูเล่ และ ชีสเค้ก เป็นเมนูที่ห้ามพลาด

ตามมาด้วย scones สโคนค่ะ (คนอังกฤษเอง ก็เห็นเถียงกันประจำ ว่าควรอ่าน สโคน หรือสกอน แต่เราถัดเรียกสโคน ฝรั่งบางคนก็งอน บอกว่า ต้องสกอนถึงจะถูก แต่ก็เหมือนเคยค่ะ ออกเสียงผิดไม่เป็นไร สั่งแล้วได้กินของที่อยากกินเป็นพอ 55)


สโคนร้านนี้ เสริฟมาพร้อมแยมเหมือนชีสเค้ก ก็อร่อยนะคะ แต่ถ้าเทียบกับบางร้าน เขาเสริฟพร้อมเนยด้วย
อย่างภาพด้านบนนี้ เป็นสโคนที่เสริฟมาให้ทั้ง เนย แยม ครีม เรียกว่า อยากกินกับอะไรก็เลือกเอาตามสะดวก คิดว่า ถ้าร้าน Size S Coffee & Bakery มีให้เลือก ก็น่าจะดีขึ้นนะคะ เพราะไม่งั้น เจอแต่แยมแบบเดียวกันในหลายๆ เมนู ก็จะไม่ได้รสชาติที่แตกต่างมากนัก แต่สโคนของร้าน Size S Coffee & Bakery ก็อร่อยนะคะ ถ้ามีเนยอีกนิด ก็เยี่ยมเลย

อีกอย่างที่เราชอบสั่งเวลามาร้านนี้ คือ เค้กมะพร้าว (coconut cake)
เราชอบนะคะ คิดว่าอร่อยมากๆ แต่เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่า ไม่ชอบทานมะพร้าว เลยไม่ชอบเมนูนี้ ก็คงแล้วแต่คน แต่เขาก็ทำออกมาได้อร่อยดี

นอกนั้น ก็สั่งกาแฟมาคนละแก้ว
 ลาเต้ร้อน ไม่หวาน กับ ลาเต้เย็น ไม่หวาน สบายใจค่ะ สั่งไม่หวาน ก็ได้ไม่หวานสมใจ ไม่เหมือนบางร้าน ที่สั่งไม่หวาน ได้หวานน้อย

สรุปว่า ร้านนี้ ดีเด่น ให้ 9/10 เพราะขาดเนยมากินกับสโคนนี่แหละ 555

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิว St.marc CAFÉ เมื่อ "ครัวซองต์" มาแทนขนมปังโทสต์ มันก็อร่อยปัง!

มีคนบอกว่า อย่ากินของหวานเยอะ แต่เราว่า บางที ขนมหวานก็ให้ความร่าเริงในชีวิตได้ วันนี้ เลยขอมารีวิวร้าน St.marc CAFÉ at Central Festival Eastville หน่อย เพราะขนมร้านนี้ อร่อยได้ใจจริงๆ แถมทำด้วยแนวคิดนอกกรอบ มีความแปลกใหม่ที่น่าสนใจมากๆ

ขอเริ่มจากเมนูที่เราชอบมากที่สุด คือ Matcha Dream (250 บาท)

ถ้าดูจากชื่อ เราก็ งงๆ อะไรนะ Matcha Dream มันจะเป็นอะไร แต่เนื่องจากในเมนูมีรูป ก็เลยนึกว่า น่าจะเป็นโทสต์ ซึ่งก็ชอบเหมือนกัน แต่พนักงานมาบอกว่า ที่นี่ ไม่ได้ใช้ขนมปังเหมือนโทสต์ร้านอื่นๆ แต่ตัวขนมอบข้างล่าง เปลี่ยนจากขนมปังเป็นครัวซองต์รูปสี่เหลี่ยมแทน และถือเป็นเมนูดัง ซิกเนเจอร์ของร้าน ก็เลยลองดู

ตอนขนมมาวางที่โต๊ะ ยังควันฉุย มาแบบอุ่นๆ หั่นกิน อื้อหือ มันอร่อยเกินห้ามใจจริงๆ เพราะการใช้ครัวซองต์ มีข้อดีกว่าใช้ขนมปังโทสต์ เนื่องจากเนื้อนุ่มกว่า บางเบากว่า ทานตอนอุ่นๆ มันได้ใจมากๆ ส่วนไอศกรีมชาเขียว ก็ใช้ได้ ไม่หวานมาก เหมือนตัวถั่วแดง ที่รสพอดี นอกนั้นมีโมจิ กับอะไรสักอย่าง เหมือนวุ้นแบบญี่ปุ่น ก็พอทานได้ แต่เฉยๆ เพราะไปติดใจที่ตัวครัวซองต์ซะแล้ว จานนี้ ให้ 10 คะแนนเต็มเลย

คนที่มาด้วยกัน สั่ง Mangolicious (250 บาท) ดูจากชื่อ ก็งงเหมือนกัน แต่ก็เลือกจากรูปในเมนูเหมือนเดิม และได้ออกมาเป็น

สรุปว่า คล้ายกับอันบน คือ เปลี่ยนจากขนมปังเป็นครัวซองต์รูปสี่เหลี่ยมแทน และราดด้วยซอสมะม่วง โปะไอติม

ยังมีเมนูอื่นอีก น้องสาวเราสั่ง choco banana split 195 บาท
ใครจะสั่งเมนูนี้ ต้องระวังของหล่นด้วยนะ 55


เราดันอยากกินอีกอย่าง เลยสั่ง miyako เพิ่ม เพราะเห็นรูปแล้วนึกอยากลอง ราคา 165 บาท


ถ่ายมาให้ดู 2 มุม จริงๆ คือ ซอฟท์ครีมเป็นหลัก แล้วมีวุ้นชาเขียว ถั่วแดง และวุ้นอะไรไม่แน่ใจ (ที่เป็นสีน้ำตาล) รสชาติดีใช้ได้

ตามด้วย Mango milk

เมนูนี้ 170 บาท ก็เป็นซอฟท์ครีมกับซอสมะม่วงตัวเดิม

แม่เราสั่ง Matcha classic 160 บาท ได้มาเป็นเครื่องดื่ม ที่มีทั้งถั่วแดง และซอฟท์ครีมมาให้ด้วย



เราสั่ง Iced latte Coffee อีกที่นึง 145 บาท สั่งไม่หวาน ก็ได้ไม่หวานเลยสมใจ (คือ บางร้านบอกว่า ไม่หวาน แต่คนขายมักใส่เป็นหวานน้อยมาให้ ซึ่งมันไม่เหมือนกัน)
ร้านนี้ อยู่ชั้นล่างของ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์
เห็นว่ามีสาขาหลายประเทศ ก็น่าลองนะคะ ขนมอร่อยมาก โดยเฉพาะพวกตระกูลที่เอาครัวซองต์มาทำแทนโทสต์ ติดอกติดใจจนต้องขอไปอีก

ราคาก็ตามนี้
พอดีว่า ไปกันหลายคน ถือว่า ราคาแอบ แรงส์ นิดนึง แต่อร่อย ก็คงจะไปอีกแหละ แน่นานๆ ไปที เพราะทั้งราคาสูง และกลัวอ้วน แต่ถ้าใครไม่เคยลอง แนะนำให้ลองดูนะคะ แล้วจะลืมโทสต์ไปเลย

วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิว Dean & Deluca และ "ไข่เบเนดิกต์" แสนอร่อย

วันนี้ มารีวิว Dean & Deluca กันหน่อยค่ะ แม้จะเห็นว่ามีคนรีวิวเยอะแล้ว แต่คนเราอาจจะชอบไม่เหมือนกัน เลยขอแนะนำสิ่งที่ชอบสักหน่อย


จานนี้ค่ะ Egg Benedict (ไข่เบเนดิกต์) เรียกว่า ของโปรดมากๆ เลย แต่หาทานไม่ค่อยได้ เพราะร้านส่วนใหญ่ที่ทำเมนูนี้ มักจะขายเฉพาะเป็นอาหารเช้า แต่ที่ Dean & Deluca เขาเสิร์ฟอาหารเช้าตลอดวัน เข้าไปดูตรงเมนู all day breakfast ได้เลย ทำให้ดีใจว่า สามารถสั่งอาหารเช้าได้ แม้จะมาทานตอนดึก

ที่ชอบ Egg Benedict เพราะว่า ตัวไข่ เป็นไข่แบบที่เรียกว่า Poached Eggs หรือที่คนมักเรียกกันว่า ไข่ดาวน้ำ เดี๋ยวตอนท้าย จะใส่วิธีทำ Poached Eggs ไว้ให้นะคะ เผื่อมีใครสนใจทำทานเอง เพราะทำง่าย ไม่อ้วน ไม่มีน้ำมัน แต่พอมารวมจัดจานเป็น "ไข่เบเนดิกต์" นี่ ก็ชักไม่แน่ใจว่าจะอ้วนไหม เพราะใน ไข่เบเนดิกต์ นอกจากจะมี ไข่ดาวน้ำ เป็นองค์ประกอบสำคัญแล้ว ด้านใต้ไข่ เป็นเบคอน และขนมปังปิ้งค่ะ ส่วนด้านบน อันนี้ เป็นเอกลักษณ์ของไข่เบเนดิกต์เลย คือ ซอสที่ออกสีเหลืองๆ นี่แหละคะ เรียกว่า ซอส Hollandaise ไอ้นี่แหละค่ะ ที่ขอบอกว่า งงหน่อย เพราะฝรั่งส่วนใหญ่อ่านว่า ซอสฮอลแลนด์เดส แต่ก็มีคนที่บอกว่า ม่ายยยย ความที่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษโดยตรง มันเลยอ่านว่า ซอสฮอลลองแดส ตะหาก แต่ไม่ว่ายังไง ก็อร่อยทั้งนั้น เอาเป็นว่า เรียกกันตามสะดวกนะคะ แล้วถ้าเชฟเข้าใจว่าเราสั่งอะไร ก็เป็นพอ

ส่วนผสมหลักของซอส มีเนย ไข่ น้ำมะนาวน้ำส้มสายชูแบบฝรั่ง เกลือ ส่วนตัวทำไม่เป็นค่ะ แต่คนที่ทำเป็นเล่าให้ฟังว่า ต้องออกแรงตีส่วนผสมนิดนึง

ทีนี้ เอา "ไข่เบเนดิกต์" ของ Dean & Deluca มาโชว์แล้ว เลยขอโชว์  "ไข่เบเนดิกต์" ของร้านอื่นกันบ้าง เพื่อเปรียบเทียบหน้าตา



2 จานนี้ ทานที่อังกฤษมาค่ะ ความแตกต่างที่เห็นชัดๆ คือ ซอสในจานจากอังกฤษดูเหลวกว่า และเครื่องเคียงเป็นผัก ในขณะที่ของ Dean & Deluca เครื่องเคียงเป็นมันฝรั่ง (อันนี้ส่วนตัว ไมกล้ากินเท่าไหร่ เพราะหมอให้ลดน้ำหนัก เลยต้องตัดใจทิ้งมันฝรั่ง อยากให้ Dean & Deluca เปลี่ยนมาเคียงด้วยผักบ้างจัง)

อ้อ ก่อนจะลืม ราคา ไข่เบเนดิกต์ ของ Dean & Deluca อยู่ที่ 295 บาท (ไม่รวมเซอร์วิสชาร์จอีก 10% นะคะ)

เอาล่ะ นำเสนอเรื่อง "ไข่เบเนดิกต์" มาเยอะแล้ว ไปต่อกันที่เมนูอื่นของ Dean & Deluca กันบ้าง วันที่ไปทาน ดึกแล้ว เลยสั่งไม่เยอะเท่าไหร่ ก็ได้เป็นเค้กสายรุ้ง Rainbow cake มาชิ้นนึง ชิ้นใหญ่มาก ต้องทาน 2 คนค่ะ คนเดียวไม่หมดแน่ๆ ราคา 165 บาท ถือว่าคุ้ม



ตัวเค้ก สมกับชื่อเรนโบว์ คือ มีเค้กหลากสีเป็นชั้นๆ ทำให้เวลาทาน มีหลายรส อร่อยดีค่ะ ไม่เลี่ยน

แล้วตามด้วยทาร์ตไข่ที่ทางร้านบอกว่า เป็นสูตรมาเก๊า อันละ 40 บาท เลยลองสั่งดู


ก็อร่อยดีนะคะ แต่ไม่ได้ถือว่าแตกต่างจากร้านอื่นๆ สักเท่าไหร่ แต่ราคาใช้ได้ เพราะเห็นร้านดังบางร้าน ตั้งราคาแพงมาก

ทั้งหมดนี้ เสียเงินไป 654.50 บาท

ที่เอาใบเสร็จมาโชว์ เพราะจะได้แน่ใจว่าไปทานเอง จ่ายเอง ไม่ได้เบ่งกินฟรีเพื่อมารีวิวนะคะ
สรุป ให้ 8/10 คะแนน เพราะเจอมันฝรั่งนี่แหละ 555

หมายเหตุ - วิธีทำ Poached Eggs หรือไข่ดาวน้ำ
ต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำส้มสายชู นิดเดียวพอนะคะ อย่าใส่เยอะ รอให้น้ำเดือดอีกครั้ง ตอกไข่ใส่ถ้วยไว้ก่อน อย่าตอกไข่ลงไปในหม้อ
คนน้ำในหม้อให้เป็นน้ำวน เทไข่ลงไป ทิ้งไว้สัก 3-4 นาที ตักขึ้น แค่นี้ ก็ได้ Poached Eggs หรือไข่ดาวน้ำ แล้วล่ะค่ะ


วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กระดูกอักเสบ (Osteomyelitis)

กระดูกอักเสบ (Osteomyelitis)



นี่คือ โรคที่กำลังเป็นตอนนี้ และบังเอิญว่า ไอ้กระดูกที่อักเสบนั้น มันคือ ส่วนของ กะโหลกศีรษะ มันก็เลยจะวุ่นวายนิดหน่อย
สาเหตุเกิดจากการผ่าตัดเนื้องอกในสมองเมื่อปีก่อน และพอผ่านไป มันเกิดปัญหาขึ้น จนลุกลาม กลายเป็นอาการ กระดูก (กะโหลก) อักเสบ ซึ่งโดยปกติ วิธีรักษาคือ ตัดกระดูกส่วนนั้นทิ้งไป เพราะมันเป็นกระดูกที่ตายแล้ว
แต่เนื่องจากเราเป็นที่กะโหลก ครั้นจะตัดหัวทิ้งไป ก็กระไรอยู่ (เอ หรือจะมีหมอที่ไหนทำได้ 55)
ดังนั้น วิธีการรักษาที่หมอเสนอมาในตอนนี้คือ "แงะ" เอาส่วนของกะโหลกที่มีปัญหานั้น ทิ้งไป ซึ่งตอนนี้ คาดว่าน่าจะกินพื้นที่ประมาณ 2-3 นิ้ว
แต่ที่ "มันส์" กว่านั้นคือ ไอ้ตอนที่ต้องแงะกะโหลกส่วนที่ติดเชื้อทิ้งไปนั้น ต้องรักษาสมองต่ออีก 6 เดือน ทำให้ไม่สามารถใส่กะโหลกเทียมได้ทันที แต่ต้องรอให้การรักษาเรียบร้อยก่อน

"คุณก็จะมี 6 เดือนที่ไม่มีกะโหลกในส่วนนั้น แต่จะเย็บปิดหนังศีรษะไว้ให้ แล้วมันก็จะเพลินดี เวลาเห็นสมองมันเต้นตุบๆ" อืมม์ หมอพูดจนฟังแล้วนึกสนุก และนึกภาพตามได้อย่างน่าหวาดเสียว

หากครบ 6 เดือนแล้ว หมอเห็นว่า หายแน่ๆ ก็จะเอาโลหะขึ้นรูปให้เท่ากะโหลกที่ตัดทิ้งไป มาใส่แทนที่ แปะไว้ แล้วปิดแผล พักอีก 2-3 เดือน ก็น่าจะหายดี

งานนี้ ก็เลยต้องผ่าสมอง 2 ครั้ง ครั้งแรก แงะเอากะโหลกส่วนที่ติดเชื้อออก แล้วทนอยู่อย่างไม่มีกะโหลกไป 6 เดือน ตามมาด้วยผ่าครั้งที่ 2 เพื่อปิดกะโหลกเทียม

โอ นี่เราจะเป็นแอนดรอยด์ขึ้นทุกทีแล้วซินะ

โดราเอมอน ที่ สกาย ทรี โตเกียว (Tokyo Sky Tree)


วันนี้ มาเอาใจคนรักโดราเอมอนกันหน่อยค่ะ กับภาพน่ารักๆ ถ่ายมาจากร้านขายของที่ระลึก ที่ สกาย ทรี โตเกียว (Tokyo Sky Tree) ร้านนี้ มีของน่ารักๆ ขายเพียบ

ก่อนอื่น มาดูตัวสกายทรี กันนิดนึงก่อน
วันที่เราไป อากาศไม่ดีค่ะ ฝนตก เลยมองด้านบนแทบไม่เห็น เพราะเมฆมาก แต่เนื่องจากวันนี้ ไม่ได้ตั้งใจมาดูสกาย ทรี แต่ตั้งใจเอาภาพโดราเอมอนสวยๆ ในร้านที่อยู่ภายในสกาย ทรี มาให้ดู เลยขอส่งรูปสกาย ทรี มาแค่นี้ก่อน แล้วมาดูโดราเอมอนกันต่อนะคะ


เซ็ตนี้ เป็นเซ็ตที่ทางร้านตบแต่ง และขายตัวโดราเอมอนที่ทำจากพลาสติค เป็นตัวๆ ค่ะ

ตามมาด้วยเซ็ตนี้


อันนี้ ขายขนม รสชาติออกประมาณเค้ก ขนมไข่ แต่ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ กลัวโดราเอมอนหัวขาด 555

ตามมากันต่อ


อันนี้ ก็ขายเป็นตัวๆ ค่ะ ดูราคา ไม่ถูกเลยนะคะ หลายพันเยนเลย




ส่วนพวกนี้ เป็นองค์ประกอบในการขายอื่นๆ มีให้เลือกเยอะมาก และเราก็ได้ซื้อมาบางส่วน เอาไว้วันหลังจะลงภาพโดราเอมอนที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นให้ได้ชมกันค่ะ

วันนี้ขอสั้นๆ แค่นี้ก่อน
ถือว่าเอาความน่ารัก มาฝากกันเช้าวันจันทร์ เพื่อเพิ่มความสดใสในการทำงานนะคะ

ผ่าตัดสมอง

ผ่าตัดสมองเหรอ...เรื่องเล็กน่า :)

เมื่อต้นปี 2559 เรามีอาการผิดปกติ เหมือนจะชัก เลยไปหาหมอ ตรวจพบว่า มีเนื้องอกในเยื่อหุ้มสมอง แต่ยังเป็นขนาดเล็ก และเนื้องอกประเภทนี้ ส่วนใหญ...